Wednesday, September 15, 2010

แดนกระทิงในผืนดินความเป็นไท

หลังจากเตรียมตัว เตรียมเอกสารอยู่พักใหญ่ ก็ถึงฤกษ์งามยามดีวันธงชัยสำหรับการไปขอวีซ่า ฉันตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อที่จะไปให้ถึงสถานฑูตก่อนเวลาบ่ายโมง ซึ่งเป็นตารางเวลารับยื่นเอกสารขอวีซ่า ฉันเดินทางตรงจากแดนเสนาะเข้าสู่เมืองหลวง เท่าที่จำได้นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักสถานฑูตสเปน (เนื่องจากฉันดาวน์โหลดใบสมัครวีซ่าผ่านทางอินเตอร์เน็ต จึงไม่ต้องเข้าไปรับด้วยตัวเองที่สถานทูต) ตั้งใจไว้ว่าจะต้องทำตัวให้น่าประทับใจ และดูน่าไว้วางใจให้กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อที่จะได้ไม่ถูกเรียกสัมภาษณ์ เพราะถ้าถูกเรียก ฉันจะทำไงดี พูดภาษาสเปนไม่เป็นสักคำ เขาจะให้ไปหรือ ฉันคิด....

แล้วฉันก็เดินทางมาถึงสถานฑูต ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ในขณะที่ย่างก้าวเข้าสู่ประตูแดนกระทิง ต้องมีการสแกนกระเป๋า เอกสาร ปิดโทรศัพท์มือถือ และฝากไว้ที่ยาม ขบวนการทั่วไปสำหรับการเข้าสถานฑูต สถานฑูตสเปนอาจจะดูเล็กและไม่อลังการมากนักหากเปรียบเทียบกับสถานฑูตอเมริกันหรืออังกฤษ เป็นเพียงสำนักงานเล็กๆ เพียงไม่กี่ตารางเมตรภายในอาคารธุรกิจใหญ่ๆ ใจกลางเมือง ภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเพียงเก้าอี้แถวไม่กี่แถวสำหรับการนั่งรอ และหน้าต่างยื่นเอกสารสำหรับคนไทย และคนสเปน เนื่องจากมีคนรอไม่มากนักในยามเช้า ฉันเดินตรงดิ่งเข้าไปยื่นเอกสารกับพนักงานคนไทย หญิงสาวรูปร่างเล็กๆ ดูแล้วอายุน่าจะสัก 30-31 ปีในขณะนั้น ผมเป็นลอนดำ ใส่แว่น ดูท่าทางหยิ่งและขึงขัง ฉันยื่นเอกสารกับเธอ ถึงแม้จะดูหวั่นๆ ว่าคงจะยากที่จะให้วีซ่า และไม่มีทางเลือก ก็มีแค่หน้าต่างเดียว และมีพนักงานแค่คนเดียวที่จะให้ยื่นเอกสาร เอาล่ะน่ะ! ลองดู... เธอเช็คและเรียงเอกสารที่ฉันเตรียมมาเพียบพร้อม หลังจากอ่านเอกสารอยู่พักใหญ่ เธอก็เริ่มบทสัมภาษณ์

"จะเดินทางไปเมืองไหนคะ" เธอถาม
"มาดริดค่ะ" ฉันตอบพร้อมกับคิดไปว่า ก็เขียนไว้ในใบสมัคร ยังต้องถามอีก
"จะไปเรียนอะไรคะ" เธอถามซ้ำอีกครั้ง หลังจากอ่านเห็นว่าฉันจะไปเรียนต่อ
"เรียนถ่ายรูปค่ะ" ฉันตอบ
"แล้วรู้ภาษาสเปนเหรอ" เธอถามคำถามตรงประเด็น
"เอ่อ... ไม่รู้ค่ะ แต่ว่าคอร์สเป็นภาษาอังกฤษ" ฉันตอบอย่างไม่ลังเล และจริงจัง
"อ้าว แล้วทำไม่ไปเรียนที่อังกฤษหรือเมืองที่เค้าพูดภาษาอังกฤษล่ะคะ" เธอถาม
"เอ่อ... " ฉันคิดก่อนตอบ "โรงเรียนนี้มีชื่อเสียงในสเปนค่ะ เพื่อนชาวสเปนแนะนำมา และค่าเรียนถูกกว่าที่อังกฤษ และสเปนก็เป็นเมืองยุโรป ดิฉันคิดว่าสิ่งแวดล้อมและแรงบันดาลใจในศิลปะคงจะไม่น้อยไปกว่าอังกฤษแน่นอน"
"อืม ก็จริงเนอะ" เธอตอบอย่างเป็นมิตร "แล้วจะไปพักกับใครล่ะ"
"พักกับเพื่อนคนสเปนค่ะ อย่างที่เห็นจากเอกสารที่เค้าทำรับรองให้จากโน้น รู้จักกันจากออสเตรเลียค่ะ" ฉันตอบพร้อมกับชี้ไปที่แฟ้มสีเขียวจาก Notaria
 เธอพยักหน้าพร้อมกับหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน หลังจากบทสนทนาเงียบงันได้สักพัก เธอก็เงยหน้าขึ้นมาบอกกับฉันว่า
"คุณต้องนำเอกสารมาเพิ่มนะ เอกสารของสปอนเซอร์ทางเมืองไทย ในที่นี้น่าจะเป็น... " เธอลากเสียงเพื่อรอคำตอบ
"คุณพ่อค่ะ" ฉันตอบทันควัน
"ค่ะ เอกสารการทำงานของคุณพ่อ ถ้ามีธุรกิจส่วนตัวอย่างที่บอกไว้ในใบสมัคร ก็ต้องยื่นใบรับรองการค้า หรือใบแสดงความเป็นเจ้าของธุรกิจนะ" หลังจากพูดจบเธอก็ปั๊มเอกสารทั้งหมดเป็นการยื่นยันว่าใบสมัครของฉันได้ถูกรับเข้าพิจารณาอย่างเป็นทางการ พร้อมกับบอกว่า "นำเอกสารมายื่นให้ไวที่สุดนะ แล้วก็รอคำตอบจากทางสถานฑูต เราจะโทรไปแจ้งว่าได้วีซ่าหรือไม่ หรือว่าต้องเข้ามาสัมภาษณ์เพิ่มเติม ไม่ต้องโทรมาถามเพราะทางเราจะไม่รับโทรศัพท์ ถ้าหลังจาก 7 สัปดาห์ยังไม่ได้รับโทรศัพท์ ค่อยโทรเข้ามาถาม ซึ่งส่วนใหญ่จะแปลว่าวีซ่าไม่มีปัญหา ให้เดินทางเข้ามารับได้เลย" เธอพูดจบ พร้อมกับยิ้ม เหมือนจะบอกกับฉันว่าเป็นนัยๆ ว่า เสร็จแล้วค่ะ กลับบ้านไปได้แล้ว ฉันยิ้มตอบพร้อมกล่าวขอบคุณก่อนที่จะขอตัวออกจากหน้าต่าง

ฉันเดินออกจากสถานฑูตด้วยความโล่งอก ถึงแม้ว่าจะต้องกลับเข้ามายื่นเอกสารเพิ่มเติม แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนัก ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี ไม่ได้หนักหนาอย่างที่คิดไว้ พนักงานก็ดูอัธยาศัยดี ถึงแม้ว่าลีลาในการพูดจะกระโชกโฮกฮากไปนิด และขึงขังไปหน่อย แต่นั่นก็เป็นงานของเขานี่นา ถ้าใจดีเกินไป ทุกคนคงประเหลาะขอวีซ่ากันหมด คงวุ่นวายใจแย่

หลังจากมาถึงรถก็เริ่มโทรศัพท์หาทางบ้าน เล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "7 อาทิตย์??? ทำไมนานจัง" ฉันไม่ทันได้คิดว่ามันจะนาน แต่หลังจากนั้นก็เริ่มคิด "นี่ฉันต้องรอถึงเดือนครึ่งเลยหรือนี่" มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องดำเนินชีวิตปกติ ควบคู่ไปกับการรอคอย เหมือนกับว่าใครจะมาตัดสินชีวิตให้เรา ว่าเราจะเดินทางไปต่อทางใด หรือว่าจะหยุดอยู่ที่ตรงไหน เวลาเดือนครึ่ง ที่ฉันรอคอยโทรศัพท์ทุกๆ นาทีที่ผ่านไป ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกใหม่ มันช่างทรมานเหลือเกิน แต่ฉันก็ใช้เวลาที่ผ่านไปอย่างมีค่า ด้วยการช่วยเหลืองานที่บ้าน และศึกษาภาษาสเปนเบื้องต้นทั้งผ่านทางอินเตอร์เน็ต และคอร์สที่อักษรจุฬาฯ อีกทั้งยังซื้อหนังสือท่องเที่ยวสเปนมาอ่านเล็กๆ น้อยๆ จริงๆ แล้วฉันตัดสินใจเดินทางไปสเปนด้วยความรู้เท่าหางอึ่งเกี่ยวกับเมืองสเปน อย่าต้องให้พูดถึงภาษาท้องถิ่นเลย เอาแค่ว่าสเปนมีเมืองใดน่าสนใจบ้าง มีอะไรที่มีชื่อเสียงบ้าง ฉันไม่รู้สักนิด รู้เพียงแต่ว่า ฉันต้องไปเมืองแห่งความบันดาลใจที่ฉันเห็นอยู่ที่หน้าปกของหนังสือท่องเที่ยว เมืองแห่งบ้านหลากสี ที่ช่างบ่งบอกถึงบุคลิกภาพชาวสเปนได้อย่างดีนัก มันทำให้ฉันนึกถึงคนพื้นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งชีวิต ผู้คนที่ใช้ชีวิตอิสระ และสนุกสนาน และฉันก็รอคอยวีซ่าด้วยความหวัง

อาคารหลากสีสัน แรงบันดาลใจ - Cuenca, Spain (อ่านว่า เกวนกา)

2 comments:

  1. โห้...รอวีซ่านานโคตรๆ

    ReplyDelete
  2. อื้มม ก็เป็นวีซ่านักเรียนไง ถ้าเป็นวีซ่าท่องเที่ยวก็ประมาณสองอาทิตย์อ่ะ

    ReplyDelete